Not My School – EP.8: วิชาความสุขมีจริงและเป็นวิชาบังคับ

เคยคิดมั้ยว่า…ถ้าเราโตมากับห้องเรียนที่ไม่ได้มีแค่คณิต วิทย์ ภาษา แต่มี “วิชาความสุข” ให้เรียนเหมือนวิชาบังคับ?

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าโรงเรียนไม่ได้สอนแค่ให้เด็ก “เก่ง” แต่สอนให้ “มีความสุข” กับชีวิตด้วย

ประเทศภูฏาน อินเดีย และอังกฤษ มี “วิชาความสุข” สอนในโรงเรียนจริง ๆ และไม่ใช่แค่กิจกรรมคลายเครียดนะ 
แต่มันคือ “หลักสูตรที่มีเวลาเรียนชัดเจน” และเด็กต้องเข้าเรียนทุกคน

ไหนสอนบ้าง และสอนอะไร

ภูฏาน
– ประเทศที่วัดความก้าวหน้าด้วย “ความสุขมวลรวม” (Gross National Happiness) 
– วิชานี้สอนเด็กให้รู้จักตัวเอง ฝึกสมาธิ เข้าใจธรรมชาติ และเห็นคุณค่าของชีวิต 
– เด็กจะได้ทำกิจกรรมง่าย ๆ เช่น เดินสมาธิ วาดภาพบันทึกอารมณ์ หรือเขียนว่า “วันนี้รู้สึกยังไง”

อินเดีย (เมืองเดลี)
– โรงเรียนรัฐบาลกว่า 1,000 แห่ง เรียน “Happiness Curriculum” ทุกวัน วันละ 45 นาที 
– ไม่มีสอบ ไม่มีเกรด 
– เนื้อหาคือ: ฟังกันให้เข้าใจ, ตั้งคำถามกับความรู้สึกตัวเอง, ฝึกขอบคุณ และพูดถึงสิ่งดี ๆ ในชีวิต

อังกฤษ
– มีหลักสูตร “Well-being” ในหลายโรงเรียน 
– สอนเรื่องสุขภาพจิต ความสัมพันธ์กับคนรอบตัว การจัดการความเครียด

เด็กเรียนอะไรในห้อง “วิชาความสุข”?

1. ฝึก “สังเกตตัวเอง” 
   – วันนี้รู้สึกยังไง? โกรธใครอยู่ไหม? ทำไม? แล้วเราควรจัดการยังไง?

2. ฝึก “สติ” 
   – เด็กจะได้หายใจเข้าลึก ๆ ฟังเสียงรอบตัว หรือหลับตานั่งนิ่ง ๆ 1 นาที

3. ฝึก “ฟังอย่างลึกซึ้ง” 
   – ฟังเพื่อนเล่าวันที่แย่ของเขา…โดยไม่ขัด ไม่ตัด ไม่สอน

4. ฝึก “ความกรุณา” 
   – เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต หรือส่งข้อความให้เพื่อนที่เคยช่วยเรา

แล้วมันได้ผลมั้ย?

จากผลวิจัยในเดลี (อินเดีย)
– พฤติกรรมก้าวร้าวในห้องเรียนลดลง 39% 
– นักเรียนกล้าพูด กล้าแสดงความรู้สึก 
– เด็กหลายคนบอกว่า “รู้สึกว่าครูเข้าใจเขามากขึ้น” 
– ครูเองก็มีความเครียดลดลง และเห็นห้องเรียน “สงบขึ้น”

ในภูฏาน
– เด็กมีความเคารพกันมากขึ้น 
– มีการช่วยเหลือเพื่อนในห้องโดยไม่ต้องสั่ง 
– มีรายงานว่า “ความรู้สึกอยากมาโรงเรียน” เพิ่มขึ้นในกลุ่มเด็กที่เคยเบื่อเรียน

แล้วทำไมต้องมีวิชานี้?

เพราะเดี๋ยวนี้เด็กเครียดกันตั้งแต่ ป.1 
– เครียดเรื่องการบ้าน 
– กลัวสอบตก 
– กลัวพ่อแม่ผิดหวัง 
– กลัวโดนเปรียบเทียบ

วิชาความสุขไม่ได้สอนให้ “เลิกเครียด” แต่มันสอนให้ “อยู่กับความเครียด” อย่างไม่เจ็บ

เทียบกับไทย
– ไทยมีคาบแนะแนว มีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 
– แต่เนื้อหาส่วนใหญ่เน้นเรื่องอาชีพ การศึกษา หรือกิจกรรมเฉพาะทาง 
– ครูแนะแนวบางคนไม่ได้ผ่านการอบรมด้านสุขภาพจิตหรือจิตวิทยาเด็ก 
– หลายโรงเรียนไม่มีพื้นที่ให้เด็ก “ได้พูดเรื่องความรู้สึก” อย่างปลอดภัย

บทเรียนสำคัญ
วิชาความสุขไม่ใช่วิชาคลายเครียด แต่มันคือ “พื้นฐานชีวิต” ที่เด็กทุกคนควรมี 
เหมือนที่เราสอนคณิต วิทย์ ภาษา… เพื่อให้เขา “อยู่รอด” 
เราก็ควรสอนความสุข… เพื่อให้เขา “อยู่เป็น”

เราพยายามทำให้เด็กไทย “สอบได้” แต่เราพยายามมากพอรึยัง…ที่จะทำให้เขา “อยู่ได้”?

นี่คือ Not My School และนี่คือบทสุดท้ายของซีซั่นแรก…

แหล่งข้อมูลและอ้างอิง

1. Government of Bhutan. ‘Gross National Happiness Curriculum’. https://www.education.gov.bt

2. Government of Delhi (2021). ‘Happiness Curriculum Impact Report’. https://www.edudel.nic.in

3. Harvard Graduate School of Education. ‘Teaching Happiness and Well-being in Schools’

4. OECD (2022). ‘Beyond Academic Learning: Student Well-being’. https://www.oecd.org

5. The Guardian (2019). ‘Delhi’s Happiness Curriculum is Changing Classrooms’

upload success
upload fail
File
uploading