ทุกปี ห้องเรียนเปลี่ยนหมุนตามกาลเวลาด้วยการพัฒนาของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่ยุคนั่งเรียนที่วัด แบกหนังสือจนหลังแอ่น มาถึงการเรียนข้ามประเทศแบบไร้พรมแดนผ่านเครื่องมือทันสมัยช่วยให้เรียนที่ไหนก็ได้อย่างในปัจจุบัน ภูมิทัศน์ทางการศึกษาถูกปฏิวัติให้เข้ากับโลกสมัยใหม่มากขึ้น อีกแค่อึดใจเดียวปี 2024 ก็จะผ่านไปแล้ว โลกกำลังพูดถึงเทรนด์การศึกษาอะไรในปี 2025
วันนี้ ขอรวบรวม 5 เทรนด์การศึกษาหน้าจับตามองอ่านต่อในบทความนี้ครับ
- การเรียนรู้ส่วนบุคคล (Personalized Learning)
เมื่อโลกรู้จัก AI การเรียนรู้ส่วนบุคคลที่เคยทำได้ยากกับการโฟกัสหนึ่งครูหนึ่งนักเรียนก็เกิดขึ้นได้จริงแล้ว ข้อมูลจาก AI in Education Market Size – By Component พบว่าปัญญาประดิษฐ์ในตลาดการศึกษามูลค่าถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะขยายตัวที่ CAGR มากกว่า 10 % ตั้งแต่ปี 2566-2575 เนื่องจากการเรียนรู้ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น[1]การเรียนรู้ส่วนบุคคลจึงเป็นการศึกษาที่หน้าจับตามองในปี 2566-2575 ตามการขยายตัวของตลาด AI ที่เข้ามามีบทบาทติดตามความก้าวหน้าของนักเรียน ระบุจุดอ่อน เสนอทรัพยากร และคำแนะนำ เพื่อปรับการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน วิจัยหลายตัวพบว่าการเรียนรู้แบบกำหนดเองช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนได้ตามความเร็วของตนเอง ช่วยปรับปรุงผลการเรียน และเสริมศักยภาพการเรียนรู้เฉพาะบุคคลได้ดี
- การศึกษาที่เน้นสมรรถนะ (Competency-Based Education)
จากด้านบนที่เราพูดถึงการเรียนรู้ส่วนบุคคลสามารถทำได้ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ส่งผลให้การศึกษาที่เน้นสมรรถนะเป็นแนวทางการเปลี่ยนแปลงใหม่ในอนาคตการศึกษาที่นำเข้ามาใช้กับผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากข้อมูลของ SketchBubble[2] พบว่า 81% หลีกเลี่ยงการเรียนหลักสูตรซ้ำเดิมที่พวกเขามีความรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ส่งผลให้กว่า 90% เด็กจบปริญญาอย่างรวดเร็วตามความสามารถเฉพาะบุคคล ผู้เรียนก้าวหน้าตามสมรรถนะและเชี่ยวชาญทักษะของตนเองโดยไม่มีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมเหมือนอดีตการเรียนรู้ส่วนบุคคลจึงเป็นการศึกษาที่หน้าจับตามองในปี 2566-2575 ตามการขยายตัวของตลาด AI ที่เข้ามามีบทบาทติดตามความก้าวหน้าของนักเรียน ระบุจุดอ่อน เสนอทรัพยากร และคำแนะนำ เพื่อปรับการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน วิจัยหลายตัวพบว่าการเรียนรู้แบบกำหนดเองช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนได้ตามความเร็วของตนเอง ช่วยปรับปรุงผลการเรียน และเสริมศักยภาพการเรียนรู้เฉพาะบุคคลได้ดี
- การเรียนรู้ออนไลน์และแบบผสมผสาน (Online and Blended Learning)
เราอาจจะคุ้นเคยการเรียนรู้แบบนี้ในช่วงโรคระบาดในปี 2020 แม้ว่าโรคจะหายไปแต่ผู้คนต่างพบข้อดีของการเรียนรู้แบบผสมผสานและการเรียนออนไลน์ ที่ช่วยให้เด็กสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ทุกที่ แต่ขณะเดียวกันก็ยังได้ฝึกทักษะ Soft Skills ที่จำเป็นต้องเรียนรู้ผ่านการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การเรียนแบบนี้จึงถูกนำมาปรับใช้และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของ WEF [3] คาดการณ์ว่าตลาดการศึกษาออนไลน์อาจเพิ่มมากขึ้นถึง 350 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2568การเรียนรู้ส่วนบุคคลจึงเป็นการศึกษาที่หน้าจับตามองในปี 2566-2575 ตามการขยายตัวของตลาด AI ที่เข้ามามีบทบาทติดตามความก้าวหน้าของนักเรียน ระบุจุดอ่อน เสนอทรัพยากร และคำแนะนำ เพื่อปรับการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน วิจัยหลายตัวพบว่าการเรียนรู้แบบกำหนดเองช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนได้ตามความเร็วของตนเอง ช่วยปรับปรุงผลการเรียน และเสริมศักยภาพการเรียนรู้เฉพาะบุคคลได้ดี
- ทักษะด้านอารมณ์ (Soft skills training: entrepreneurship, public speaking & leadership skills)
การทำงานในปัจจุบันต้องการเด็กที่มีทักษะด้านอารมณ์ (Soft Skills) นอกจากเรื่องของความรู้ จากข้อมูลของ LinkedIn วิเคราะห์ประกาศรับสมัครงานในปี 2020 พบกว่า 5 ทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการคือ ทักษะการสื่อสาร (Communication)
ทักษะการแก้ปัญหา (problem-solving)
ทักษะการจัดการ (Operations)
ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical skills)
ทักษะการบริหารโครงงาน (Project management)
นอกจากนี้เด็กที่สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติความเป็นผู้นำจะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษในการแข่งขันของตลาดแรงงาน โรงเรียนจึงมีบทบาทสำคัญในการเตรียมพร้อมผู้เรียนสู่อาชีพในอนาคต - STEM and STEAM Education
กระแสการเรียนรู้ของ STEM และ STEAM มีอยู่ตลอดเพราะโลกใบนี้กำลังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS)[4] พบว่าอุตสาหกรรมการออกแบบระบบคอมพิวเตอร์และบริการที่เกี่ยวข้องเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 8 โดยเติบโตในอัตราร้อยละ 1.8 ต่อปี นอกจากนี้อาชีพคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์คาดว่าจะเติบโต 15.2 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี 2565 คาดว่าจะเติบโต 31.5 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 10 ปี ระหว่างปี 2565 ถึง 2575 ทำให้เป็นอาชีพที่เติบโตเร็วเป็นอันดับ 5 ในระบบเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดว่าอาชีพด้าน STEM เป็นที่หน้าจับตาและคาดการณ์ว่าจะเป็นอนาคตการศึกษาไปถึงปี 2575]